ศรีสะเกษ เขตตรวจสุขภาพที่ 10 จัดกิจกรรมมอบของขวัญปีใหม่ อสม. ใส่ใจ ดูแล ผู้สูงอายุ สนองนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศให้เป็น “ ปีแห่งสุขภาพ สูงวัยไทย”
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการของขวัญปีใหม่ อสม. ใส่ใจ ดูแล ผู้สูงอายุ เขตสุขภาพที่ 10 ปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเขตตรวจสุขภาพที่ 10 ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา มีการรับชมการถ่ายสดจาก จ.นครราชสีมา พิธีเปิดงาน “ของขวัญปีใหม่ อสม. ใส่ใจ ดูแล ผู้สูงอายุ” โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหลังจากการชมถ่ายทอดสดแล้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหาร ได้มอบของขวัญให้กับผู้สูงอายุ ได้แก่ มอบแว่นตาให้กับตัวแทนผู้สูงอายุ จำนวน 20 ราย มอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จำนวน 50 ราย มอบฟันปลอมให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 10 ราย จากนั้น ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการของโรงพยาบาล และ รพ.สต.ที่นำเอาผลงานเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนมาแสดงให้ชมจำนวนมาก โดยมี น.ส.ชมมณัฐ รอดบุญธรรม รอง ผวจ.ศรีสะเกษ นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 8 พรรคเพื่อไทย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย พญ.รัชฎาพร รุญจริญ ผอ.รพ. ขุนหาญ นพ.ลักษณะเลิศ วรรณภาสนี ผอ.รพ.กันทรลักษ์ นพ.นพพล บัวสี รอง ผอ.รพ.ศรีสะเกษ บุคลากรทางการแพทย์ อสม.มาเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายมอบของขวัญปีใหม่ 2566 ให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ทุกปี ซึ่งเป็น เทศกาลพิเศษ ในวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้มีหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขของพ่อ แม่พี่น้อง ในช่วงเทศกาล สำคัญนี้ เป็นโอกาสดีที่เราได้ตั้งใจผลักดันสิ่งใหม่ๆ และสามารถเข้าถึงได้ ให้ กลุ่มเป้าหมายที่เราเห็นว่าเริ่มจะเพิ่มมากขึ้นทุกปี นั่นคือ สังคมของผู้สูงอายุ หลายๆ ครั้งที่เราได้ยิน ตามสื่อต่างๆ ว่าผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง หรือมีผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง เพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็น คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่เราไม่สามารถละเลยได้ ปี 2566 เป็นปีที่คาดประมาณว่า ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยดูจาก สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย เมื่อปี2564 ประเทศไทย มีประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 12.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 18.8 ของประชากรทั้งประเทศ และมีการคาดประมาณประชากร ผู้สูงอายุจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้รัฐบาล ต้องปรับแผนงาน เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้เกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม หลายด้าน อาทิการรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงการเป็นสังคมสูงวัย การส่งเสริมทัศนคติที่ดีต่อผู้สูงอายุการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่จะทำงาน ด้านผู้สูงอายุให้เพียงพอ รวมไปถึงการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุให้ได้รับบริการที่ได้มาตรฐาน และสามารถเข้าถึงได้โดยเท่า เทียมกัน และรวดเร็ว
นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า แต่จริงๆแล้วเราก็ทำงานร่วมกับ อสม.และเป้าหมายจริงๆในปีนี้ก็คือ ของขวัญปีใหม่ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้กับพี่น้องในกลุ่มผู้สูงอายุ คือเป็นปีแห่งสุขภาพของผู้สูงวัยไทย เพราะฉะนั้นเราก็มองว่าเป็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือปัญหาเรื่องของการมองเห็น เรื่องของการกินเป็นเรื่องของปัญหาที่เกิดจากการใช้มานาน ๆ และมีเรื่องของแว่นตา การแก้ไขสายตาเพื่อให้มองเห็น มีฟันเทียมเพราะว่าฟันเก่าหายไปหมดแล้วเนื่องจากใช้มายาวนานก็ต้องเปลี่ยนฟันเทียม และเมื่อได้ฟันเทียมมาแล้วหากฟันเทียมไม่ยึดมั่น เราก็มีการฝังรากฟันเทียมเพื่อให้ฟันเทียมที่ได้มายึดแน่นก็สามารถที่จะเคี้ยวอาหารได้ อีกกลุ่มหนึ่งของผู้สูงอายุที่ มีสุขภาวะหรือมีโรคประจำจนกระทั่งล้มป่วยติดบ้านติดเตียง กลุ่มนี้ก็จะมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายเราก็จะส่งมอบผ้าอ้อมเพื่อให้ได้ใช้เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เราอยากให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรง เราจะคัดกรองผู้สูงอายุทั่วประเทศไทยก็มีกว่า 12,000,000 คนนี้ เราก็จะคัดกรองเพื่อจำแนกผู้สูงอายุว่า เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีเพื่อขอให้ท่านรักษาสุขภาพที่ดีให้ยืนยาวที่สุด ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสุขภาพเราก็แก้ไขเช่นฟันเทียม เรื่องสายตาและผู้สูงอายุที่ติดเตียงเราก็จะดูแลด้วยโดยผ่านทางพี่น้อง อสม.เพราะฉะนั้นจึงเป็นการทำงานร่วมกันซึ่งในวันนี้ก็เป็นการพบปะระหว่างผู้ที่ทำงานในโรงพยาบาลกับพี่น้อง อสม.เพื่อให้เข้าใจว่า รัฐบาลไทยโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มอบของขวัญและมีความเป็นห่วงญาติผู้ใหญ่ของเราที่อยู่ในครอบครัวไทย////////////
ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ